ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน ESport นั้นกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เว็บ เดิมพัน ESport ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หนึ่งในรูปแบบการเดิมพันที่น่าสนใจและซับซ้อนคือ Handicap Betting หรือการเดิมพันแบบต่อ/รับ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยปรับสมดุลระหว่างทีมที่มีความแข็งแกร่งต่างกัน ทำให้การเดิมพันมีความน่าสนใจมากขึ้น

เข้าใจ Handicap Betting กุญแจสู่ความสำเร็จในการเดิมพัน ESport

การเข้าใจหลักการของ Handicap Betting นั้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและสร้างความสนุกในการเดิมพัน บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกเรื่อง Handicap Betting ใน ESport ตั้งแต่หลักการพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคการวิเคราะห์ที่จะช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็นนักเดิมพัน ESport มืออาชีพ

ความหมายของ Handicap betting

Handicap betting ในวงการ ESport คือรูปแบบการเดิมพันที่เจ้ามือหรือบ่อนการพนันจะกำหนด “แต้มต่อ” หรือ “แต้มรับ” ให้กับทีมใดทีมหนึ่งก่อนเริ่มการแข่งขัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับสมดุลของการเดิมพันให้ทั้งสองทีมมีโอกาสชนะที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น วิธีนี้ช่วยให้การเดิมพันมีความน่าสนใจมากขึ้น แม้ว่าจะมีทีมที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนก็ตาม

ในการเดิมพันแบบ Handicap นี้ ทีมที่ถูกมองว่าแข็งแกร่งกว่าจะได้รับ แต้มติดลบ หรือ แต้มต่อ ซึ่งแสดงด้วยเครื่องหมายลบ (-) ในขณะที่ทีมที่ถูกมองว่าอ่อนแอกว่าจะได้รับ แต้มบวก หรือ แต้มรับ ซึ่งแสดงด้วยเครื่องหมายบวก (+) การกำหนดแต้มเหล่านี้จะมีผลต่อการคำนวณผลการเดิมพันในท้ายที่สุด

ความหมายของ Handicap betting

วิธีการกำหนด Handicap ให้แก่ทีม

การกำหนด Handicap ให้แก่ทีมในการแข่งขัน ESport นั้นจะแตกต่างกันไปตามประเภทของเกมและรูปแบบการแข่งขัน โดยทั่วไปแล้ว เจ้ามือจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ฟอร์มการเล่นของทีม, ประวัติการเผชิญหน้ากันของทั้งสองทีม, และสถิติการแข่งขันในรายการนั้นๆ

ตัวอย่างเช่น ในเกมประเภท MOBA อย่าง League of Legends หรือ Dota 2 ที่มักจะแข่งขันในรูปแบบ Best-of-Three (Bo3) Handicap มักจะถูกกำหนดที่ +1.5 และ -1.5 ก่อนเริ่มการแข่งขัน นี่หมายความว่า

  • ทีมที่ได้รับ Handicap +1.5 จะชนะการเดิมพันถ้าสามารถชนะได้อย่างน้อย 1 เกมในชุดการแข่งขัน หรือชนะการแข่งขันทั้งหมด
  • ทีมที่ได้รับ Handicap -1.5 จะต้องชนะการแข่งขันแบบไม่แพ้เลย (2-0) เพื่อที่จะชนะการเดิมพัน

สำหรับเกมยิงปืนมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (FPS) อย่าง Counter-Strike : Global Offensive (CS:GO) ก็มีการใช้ระบบ Handicap ที่คล้ายคลึงกัน แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนตามรูปแบบการแข่งขัน เช่น ในรอบชิงชนะเลิศของรายการใหญ่ที่เล่นแบบ Best-of-Five (Bo5) อาจมีการกำหนด Handicap ที่ +2.5 และ -2.5

ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ของการเดิมพันแบบ Handicap

ในการเดิมพันแบบ Handicap ใน ESport ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จะแตกต่างจากกีฬาแบบดั้งเดิมเล็กน้อย ในกีฬาทั่วไปอย่างฟุตบอล ผลการเดิมพันแบบ Handicap อาจจะเป็นได้ทั้งชนะ, แพ้, หรือเสมอ (push) แต่สำหรับ ESport นั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีเพียงผลแพ้ชนะเท่านั้น โดยกรณีเสมอจะเกิดขึ้นได้น้อยมาก ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของทัวร์นาเมนต์

ยกตัวอย่างเช่น ในการแข่งขัน League of Legends แบบ Bo3 ที่มีการกำหนด Handicap ที่ +1.5 และ -1.5

  • หากทีมที่ได้ Handicap +1.5 ชนะ 1 เกม และแพ้ 2 เกม (ผลรวม 1-2) ผู้เดิมพันทีมนี้จะชนะการเดิมพัน เพราะเมื่อรวม Handicap แล้วผลเป็น 2.5-2
  • หากทีมที่ได้ Handicap -1.5 ชนะ 2 เกมรวด (ผลรวม 2-0) ผู้เดิมพันทีมนี้จะชนะการเดิมพัน เพราะเมื่อหัก Handicap แล้วผลเป็น 0.5-0

นอกจากนี้ ในบางเกมยังมีการเดิมพันแบบ Handicap ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น Kill Handicap ใน MOBA หรือ Round Handicap ใน CS:GO ซึ่งเป็นการเดิมพันบนจำนวนการฆ่าหรือจำนวนรอบที่ชนะ โดยไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับผลการแข่งขันโดยรวม

ตัวอย่างเช่น ใน League of Legends หรือ Dota 2 Kill Handicap มักจะอยู่ในช่วง -5.5 ถึง +5.5 หมายความว่า

  • ทีมที่ได้ Kill Handicap -5.5 จะต้องมีจำนวนการฆ่ามากกว่าทีมตรงข้ามอย่างน้อย 6 ครั้งเพื่อชนะการเดิมพัน
  • ทีมที่ได้ Kill Handicap +5.5 จะชนะการเดิมพันถ้ามีจำนวนการฆ่าน้อยกว่าทีมตรงข้ามไม่เกิน 5 ครั้ง

สำหรับ CS:GO Round Handicap มักจะอยู่ในช่วง +7.5 ถึง -7.5 ซึ่งหมายความว่า

  • ทีมที่ได้ Round Handicap +7.5 จะต้องชนะอย่างน้อย 8 รอบเพื่อชนะการเดิมพัน
  • ทีมที่ได้ Round Handicap -7.5 จะต้องชนะมากกว่าทีมตรงข้ามอย่างน้อย 8 รอบเพื่อชนะการเดิมพัน

Handicap betting ในเกม MOBA

เกมประเภท MOBA (Multiplayer Online Battle Arena) เช่น League of Legends และ Dota 2 เป็นเกมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการ ESport และมีการเดิมพันที่หลากหลาย โดย Handicap betting ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบการเดิมพันที่น่าสนใจสำหรับเกมประเภทนี้

การเดิมพันแบบ Handicap ใน League of Legends และ Dota 2

ใน League of Legends และ Dota 2 การเดิมพันแบบ Handicap มักจะเกี่ยวข้องกับจำนวนเกมที่ชนะในการแข่งขันแบบ Best-of-Three (Bo3) ซึ่งเป็นรูปแบบการแข่งขันที่พบบ่อยในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ โดยทั่วไป Handicap จะถูกกำหนดที่ +1.5 และ -1.5 ก่อนเริ่มการแข่งขัน

ตัวอย่างการเดิมพันแบบ Handicap +1.5

เมื่อเดิมพันกับทีมที่ได้รับ Handicap +1.5 หมายความว่าทีมนี้ได้รับความได้เปรียบเสมือนว่าได้ชนะไปแล้ว 1.5 เกม ดังนั้น การเดิมพันจะชนะในกรณีต่อไปนี้

  1. ทีมที่เราเดิมพันชนะการแข่งขันทั้งหมด (ผลการแข่ง 2-0 หรือ 2-1)
  2. ทีมที่เราเดิมพันแพ้การแข่งขัน แต่สามารถชนะได้ 1 เกม (ผลการแข่ง 1-2)

ตัวอย่างการเดิมพันแบบ Handicap -1.5

เมื่อเดิมพันกับทีมที่ได้รับ Handicap -1.5 หมายความว่าทีมนี้ได้รับความเสียเปรียบเสมือนว่าแพ้ไปแล้ว 1.5 เกม ดังนั้น การเดิมพันจะชนะในกรณีเดียวคือ

  • ทีมที่เราเดิมพันต้องชนะการแข่งขันแบบไม่แพ้เลย (ผลการแข่ง 2-0 เท่านั้น)

การเดิมพันแบบนี้ช่วยให้การเดิมพันมีความน่าสนใจมากขึ้น แม้ว่าจะมีทีมที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน เพราะผู้เดิมพันสามารถเลือกเดิมพันกับทีมรองได้โดยมีโอกาสชนะสูงขึ้น หรือเลือกเดิมพันกับทีมเต็งที่มีอัตราจ่ายสูงขึ้นหากสามารถชนะแบบขาดลอย

Handicap betting แบบ Best-of-Three (Bo3)

การแข่งขันแบบ Best-of-Three (Bo3) เป็นรูปแบบที่พบบ่อยในการแข่งขัน MOBA ระดับสูง โดยทีมที่ชนะ 2 เกมก่อนจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน การเดิมพันแบบ Handicap ใน Bo3 มีความน่าสนใจเพราะมีความเป็นไปได้หลายรูปแบบ

Handicap betting แบบ Best-of-Three (Bo3)

ตัวอย่างสถานการณ์ใน Bo3

  1. ทีม A ชนะ 2-0: ในกรณีนี้ ผู้ที่เดิมพันทีม A ด้วย Handicap -1.5 จะชนะการเดิมพัน ในขณะที่ผู้ที่เดิมพันทีม B ด้วย Handicap +1.5 จะแพ้การเดิมพัน
  2. ทีม A ชนะ 2-1: ในกรณีนี้ ผู้ที่เดิมพันทีม A ด้วย Handicap -1.5 จะแพ้การเดิมพัน แต่ผู้ที่เดิมพันทีม B ด้วย Handicap +1.5 จะชนะการเดิมพัน

การเข้าใจรูปแบบการแข่งขัน Bo3 และวิธีการคำนวณผลการเดิมพันแบบ Handicap จะช่วยให้นักพนันสามารถวางกลยุทธ์การเดิมพันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Kill Handicap ใน MOBA

นอกจากการเดิมพันบนผลการแข่งขันแล้ว เกม MOBA ยังมีการเดิมพันแบบ Kill Handicap ซึ่งเป็นการเดิมพันบนจำนวนการสังหาร (Kill) ที่แต่ละทีมทำได้ในเกม โดยไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับผลการแข่งขันโดยรวม ใน League of Legends และ Dota 2 Kill Handicap มักจะอยู่ในช่วง -5.5 ถึง +5.5 แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของแต่ละคู่แข่งขัน การทำงานของ Kill Handicap มีดังนี้

ตัวอย่าง Kill Handicap -5.5

  • หากเดิมพันทีม A ด้วย Kill Handicap -5.5
  • ทีม A จะต้องมีจำนวนการสังหารมากกว่าทีม B อย่างน้อย 6 ครั้งเพื่อชนะการเดิมพัน
  • ตัวอย่างเช่น ถ้าทีม A ได้ 20 Kills และทีม B ได้ 14 Kills ผู้เดิมพันทีม A จะชนะ เพราะ 20 – 5.5 = 14.5 ซึ่งมากกว่า 14

ตัวอย่าง Kill Handicap +5.5

  • หากเดิมพันทีม B ด้วย Kill Handicap +5.5
  • ทีม B จะชนะการเดิมพันถ้ามีจำนวนการสังหารน้อยกว่าทีม A ไม่เกิน 5 ครั้ง
  • ตัวอย่างเช่น ถ้าทีม A ได้ 20 Kills และทีม B ได้ 15 Kills ผู้เดิมพันทีม B จะชนะ เพราะ 15 + 5.5 = 20.5 ซึ่งมากกว่า 20

Kill Handicap เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักพนันที่มีความเข้าใจในเกมเป็นอย่างดี เพราะต้องวิเคราะห์รูปแบบการเล่น ความสามารถของผู้เล่น และกลยุทธ์ของทีมในการสร้างความได้เปรียบผ่านการสังหาร

ตัวอย่าง Kill Handicap +5.5

ข้อควรระวังในการเดิมพัน Kill Handicap

  1. รูปแบบการเล่นของทีม บางทีมอาจเน้นการควบคุมแผนที่และวัตถุประสงค์มากกว่าการหาการสังหาร ซึ่งอาจส่งผลต่อจำนวน Kills ในเกม
  2. ความยาวของเกม เกมที่จบเร็วอาจมีจำนวน Kills น้อยกว่าเกมที่ยืดเยื้อ ดังนั้นควรพิจารณาสไตล์การเล่นของทั้งสองทีมประกอบด้วย
  3. การอัพเดทเกม การเปลี่ยนแปลงสมดุลของเกมในแต่ละครั้งอาจส่งผลต่อจำนวน Kills โดยรวม ควรติดตามการอัพเดทและเมต้าของเกมอย่างใกล้ชิด

การเดิมพันแบบ Handicap ในเกม MOBA ไม่ว่าจะเป็นการเดิมพันบนผลการแข่งขันหรือจำนวน Kills ล้วนต้องอาศัยความเข้าใจในเกมและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด นักพนันควรศึกษาข้อมูลของทีม สถิติการแข่งขัน และติดตามข่าวสารในวงการอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มโอกาสในการเดิมพันอย่างมีประสิทธิภาพ

Handicap betting ในเกม FPS

เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง หรือ FPS (First-Person Shooter) เป็นอีกหนึ่งประเภทเกมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการ ESport โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Counter-Strike: Global Offensive (CS:GO) และ Overwatch การเดิมพันแบบ Handicap ในเกม FPS มีลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจ

การเดิมพันแบบ Handicap ใน Counter-Strike: Global Offensive (CS:GO)

CS:GO เป็นเกม FPS ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการ ESport และมีรูปแบบการเดิมพันที่หลากหลาย โดยการเดิมพันแบบ Handicap ใน CS:GO มักจะเกี่ยวข้องกับจำนวนแมพที่ชนะในการแข่งขันแบบ Best-of-Three (Bo3) เช่นเดียวกับเกม MOBA

Handicap ในการแข่งขันแบบ Bo3

  • โดยทั่วไป Handicap จะถูกกำหนดที่ +1.5 และ -1.5 ก่อนเริ่มการแข่งขัน
  • ทีมที่ได้รับ Handicap +1.5 จะชนะการเดิมพันถ้าสามารถชนะได้อย่างน้อย 1 แมพในชุดการแข่งขัน หรือชนะการแข่งขันทั้งหมด
  • ทีมที่ได้รับ Handicap -1.5 จะต้องชนะการแข่งขันแบบไม่แพ้เลย (2-0) เพื่อที่จะชนะการเดิมพัน

Handicap ในการแข่งขันรายการใหญ่

ในบางกรณี เช่น รอบชิงชนะเลิศของรายการสำคัญ อาจมีการแข่งขันในรูปแบบ Best-of-Five (Bo5) ซึ่งจะมีการกำหนด Handicap ที่แตกต่างออกไป:

  • Handicap อาจถูกกำหนดที่ +2.5 และ -2.5
  • ทีมที่ได้รับ Handicap +2.5 จะชนะการเดิมพันถ้าสามารถชนะได้อย่างน้อย 2 แมพในชุดการแข่งขัน 5 แมพ
  • ทีมที่ได้รับ Handicap -2.5 จะต้องชนะการแข่งขันอย่างน้อย 3-1 หรือ 3-0 เพื่อที่จะชนะการเดิมพัน

การเข้าใจรูปแบบการแข่งขันและวิธีการคำนวณผลการเดิมพันแบบ Handicap ใน CS:GO จะช่วยให้นักพนันสามารถวางกลยุทธ์การเดิมพันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Handicap ในการแข่งขันรายการใหญ่

Round Handicap ใน CS:GO

นอกจากการเดิมพันบนผลการแข่งขันแล้ว CS:GO ยังมีการเดิมพันแบบ Round Handicap ซึ่งเป็นการเดิมพันบนจำนวนรอบที่แต่ละทีมชนะในแต่ละแมพ โดยไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับผลการแข่งขันโดยรวม

ลักษณะของ Round Handicap ใน CS:GO

  • การแข่งขัน CS:GO แต่ละแมพจะประกอบด้วย 30 รอบปกติ
  • ทีมที่ชนะ 16 รอบก่อนจะเป็นผู้ชนะแมพนั้น
  • ในกรณีที่จบ 30 รอบแล้วยังเสมอกัน (15-15) จะมีการเล่นในช่วงต่อเวลา (Overtime)

ช่วง Round Handicap ที่พบบ่อย

  • Round Handicap มักจะอยู่ในช่วง +7.5 ถึง -7.5
  • ตัวอย่างเช่น ทีมที่ได้รับ Round Handicap +7.5 จะต้องชนะอย่างน้อย 8 รอบเพื่อชนะการเดิมพัน
  • ในขณะที่ทีมที่ได้รับ Round Handicap -7.5 จะต้องชนะมากกว่าทีมตรงข้ามอย่างน้อย 8 รอบเพื่อชนะการเดิมพัน

ตัวอย่างการคำนวณ Round Handicap

  1. ถ้าทีม A ชนะ 16-10 และมี Round Handicap -7.5
  • ผลลัพธ์หลังหัก Handicap คือ 8.5-10 (16 – 7.5 = 8.5)
  • ผู้เดิมพันทีม A จะแพ้การเดิมพัน
  1. ถ้าทีม B แพ้ 14-16 แต่มี Round Handicap +7.5
  • ผลลัพธ์หลังบวก Handicap คือ 21.5-16 (14 + 7.5 = 21.5)
  • ผู้เดิมพันทีม B จะชนะการเดิมพัน

Round Handicap เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักพนันที่มีความเข้าใจในเกม CS:GO เป็นอย่างดี เพราะต้องวิเคราะห์รูปแบบการเล่น ความสามารถของผู้เล่น และกลยุทธ์ของทีมในแต่ละแมพ

Handicap betting ใน Overwatch League

Overwatch League เป็นลีกการแข่งขันระดับโลกของเกม Overwatch ซึ่งมีรูปแบบการแข่งขันและการเดิมพันที่แตกต่างจาก CS:GO เล็กน้อย

รูปแบบการแข่งขัน Overwatch League

  • การแข่งขันใน Overwatch League เล่นในรูปแบบ Best-of-Five (Bo5)
  • ทีมที่ชนะ 3 แมพจาก 5 แมพจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน
  • ไม่มีการเสมอในการแข่งขัน

Handicap ใน Overwatch League

  • Handicap มักจะถูกนำเสนอในรูปแบบ +1.5, -1.5, +2.5 และ -2.5
  • การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap +1.5 จะชนะถ้าทีมนั้นชนะอย่างน้อย 1 แมพ
  • การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap +2.5 จะชนะถ้าทีมนั้นชนะอย่างน้อย 2 แมพ
  • การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap -1.5 จะชนะถ้าทีมนั้นชนะการแข่งขันด้วยสกอร์ 3-0 หรือ 3-1
  • การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap -2.5 จะชนะเฉพาะเมื่อทีมนั้นชนะการแข่งขันด้วยสกอร์ 3-0 เท่านั้น

ตัวอย่างสถานการณ์ใน Overwatch League

  1. ทีม A ชนะ 3-0
  • ผู้เดิมพันทีม A ด้วย Handicap -1.5 หรือ -2.5 จะชนะการเดิมพัน
  • ผู้เดิมพันทีม B ด้วย Handicap +1.5 หรือ +2.5 จะแพ้การเดิมพัน
  1. ทีม A ชนะ 3-1
  • ผู้เดิมพันทีม A ด้วย Handicap -1.5 จะชนะการเดิมพัน แต่ผู้เดิมพันด้วย -2.5 จะแพ้
  • ผู้เดิมพันทีม B ด้วย Handicap +2.5 จะชนะการเดิมพัน แต่ผู้เดิมพันด้วย +1.5 จะแพ้
  1. ทีม A ชนะ 3-2
  • ผู้เดิมพันทีม A ด้วย Handicap -1.5 หรือ -2.5 จะแพ้การเดิมพัน
  • ผู้เดิมพันทีม B ด้วย Handicap +1.5 หรือ +2.5 จะชนะการเดิมพัน

การเดิมพันแบบ Handicap ในเกม FPS อย่าง CS:GO และ Overwatch มีความซับซ้อนและน่าสนใจ เนื่องจากต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง เช่น รูปแบบการเล่นของทีม, ความสามารถของผู้เล่นแต่ละคน, แมพที่ใช้ในการแข่งขัน และกลยุทธ์ของทีม

ผู้ที่สนใจการเดิมพันแบบ Handicap ในเกม FPS ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ติดตามผลการแข่งขันและฟอร์มของทีมอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงทำความเข้าใจกับกฎกติกาและรูปแบบการแข่งขันของแต่ละทัวร์นาเมนต์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเดิมพันให้มากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการเดิมพันทุกรูปแบบ ควรตระหนักเสมอว่าการพนันมีความเสี่ยง และควรเล่นอย่างมีความรับผิดชอบ การกำหนดงบประมาณและขีดจำกัดในการเดิมพันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การเดิมพัน ESport เป็นกิจกรรมที่สนุกและปลอดภัย นอกจากนี้ การติดตามข่าวสารและการอัพเดทของเกมอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในตัวเกมอาจส่งผลต่อรูปแบบการเล่นและผลการแข่งขันได้

Similar Posts